แชร์เลย ! 10 อาหารในชีวิตประจำวัน มีสารพิษซ่อนอยู่

Loading...

จริงอยู่ว่าอาหารมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่สิ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม ก็คืออาหารบางชนิดที่มีประโยชน์ อาจมีอันตรายแอบแฝงมาด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ และสิ่งที่ต้องรู้อีกอย่างก็คือ อาหารมีพิษหลายชนิดก็สามารถกินได้อย่างปลอดภัยถ้าหากรู้วิธีกินที่ถูกต้อง และที่น่ากลัวที่สุดก็คืออาหารหลายชนิดที่เราเห็นจนชินตาแต่กลับไม่รู้เลยว่ามันมีพิษทั้งๆ ที่เรา “กินมันทุกวัน” และนี่คือ 10 อาหารในชีวิตประจำวัน แต่มันกลับมีสารพิษซ่อนอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ

1. มันสำปะหลัง
เป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง มันสำปะหลังเมื่อทำสุกแล้วจะหวาน แต่มันสำปะหลังนั้นมีพิษมากหากรับประทานดิบๆ หรือปรุงไม่ถูกวิธี เนื่องจากมันสำปะหลังดิบมีระดับไซยาไนด์ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นสารที่อันตรายมาก ถ้าหากคนหรือสัตว์นำมันสำปะหลังมารับประทานโดยไม่ต้มหรือเผาให้สุก เมื่อได้รับสารตัวนี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกน้ำลายฟูมปาก ชักและเสียชีวิตได้ แม้แต่วัวหรือควายตัวโตๆ ก็ตายมาแล้ว
ดังนั้นวิธีลดพิษในมันสำปะหลังก็คือ การปอกเปลือก, การทำให้สุก, การหมักดอง ซึ่งวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมานี้สามารถลดความเป็นพิษลงได้มากจนถึงหมดไป ทำให้เราสามารถกินมันสำปะหลังได้โดยไม่เป็นพิษต่อร่างกายเลย

2. ปลาปักเป้า
ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มเป็นปลาต้องห้ามผลิตและจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลกเนื่องจากมันมีพิษ ที่ชื่อว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) ในหนังปลา ไข่ปลา เนื้อปลา ตับ และลำไส้ มีความทนต่อความร้อนสูง ดังนั้นสารดังกล่าวจะไม่ถูกทำลายจากการประกอบอาหาร ซึ่งสารดังกล่าวทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้อย่างง่ายดายเพียงประมาณแค่ 2 มิลลิกรัมเท่านั้น

โดยสารพิษจะขัดขวางกระบวนการทำงานของระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์และระบบประสาท ทำให้เกิดอาการลิ้นชา อาเจียน กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง เดินเซ ขยับเขยื้อนไม่ได้ หายใจลำบาก หากไม่รีบรักษาจะเสียชีวิต อย่างไรก็ตามปลาปักเป้าที่เป็นพิษจะเป็นปลาปักเป้าในธรรมชาติเนื่องจากสะสมพิษจากการที่มันกินพวกหอยเม่น หอยทะเล หนอนทะเล ส่วนปลาปักเป้าที่เลี้ยงสถานที่เพาะพันธุ์จะไม่มีพิษดังกล่าว

ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการบริโภคเนื้อปลาปักเป้ามาตั้งแต่โบราณ โดยเนื้อปลาปักเป้ามีภาษาญี่ปุ่นว่า “ฟุคุ” เนื้อปักเป้าถือว่าเป็นอาหาร ราคาแพงและหายาก โดยผู้ที่ต้องการแล่ปลาปักเป้าจะต้องไปเรียนวิธีการแล่เนื้อปลาจากสมาคมการแล่ปลาปักเป้าแห่งญี่ปุ่นจนได้รับใบประกาศ การแล่ต้องเอาเส้นเมาออก ซึ่งเส้นเมาหรือเส้นพิษจะมีขนาดเล็กและบางมาก โดยตัวหนึ่งจะมีเนื้อที่กินได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ราคาซาซิมิปักเป้าญี่ปุ่นจึงขายกันจานล่ะ หมื่นเยน แต่กระนั้นเนื้อปลาปักเป้าก็เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเนื่องจากรสชาติที่หวาน กรุบ และถือว่าการกินปลาปักเป้าเป็นการท้าทายความตายด้วย

3. เห็ด
มีทั้งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดมีพิษโดยเห็ดมีประมาณกว่า 38,000 ชนิดที่เรารู้จัก และประมาณไม่ถึง 100 ชนิดที่เป็นเห็ดพิษ โดยเห็ดพิษที่จัดว่าร้ายแรงที่สุดได้แก่ เห็ดในสกุล Amanita สกุล Helvella หากกินมันเข้าไป เช่น อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายต่อระบบทางเดินอาหาร ทำลายตับ ไต และหัวใจ ส่วนเห็ดสกุลอื่นๆ ไม่เป็นอันตรายมากนักอาจทำให้เกิดอาการมึนเมาเท่านั้น

นอกจากนี้การสังเกตว่าเห็ดชนิดไหนมีพิษไม่มีพิษนั้นเป็นเรื่องยาก ในสมัยก่อนเรามักได้ยินคนอื่นบอกว่าเห็ดพิษไม่มีพิษนั้นดูที่สีสัน หากสีสันสวยจะมีพิษ ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ใช่คำตอบเสมอไป เพราะเห็ดพิษบางชนิดก็ไม่มีสีสันสวยงามเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องใช้หลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าเห็ดชนิดดังกล่าว ไม่มีพิษ

4. มะม่วงหิมพานต์
เป็นพืชพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล นิยมใช้เนื้อภายในเมล็ดเป็นอาหารว่าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบจากร้านค้าทั่วไป ความจริงแล้วเมล็ดดังกล่าวไม่ได้ดิบไปเสียทั้งหมดเพราะว่ามันผ่านการนึ่งและแกะเปลือกมาแล้ว โดยเปลือกของมะม่วงหิมพานต์ดิบมีสารพิษ ชื่อ urushiol เป็นพิษที่ระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรงที่พบในไม้เลื่อย หากกินมากจะเกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างรุนแรง ดังนั้นเวลาจะรับรับประทานผลเนื้อ จะต้องแกะเปลือกเมล็ดสีเขียวเข้มก่อน

5. พริก
เป็นพืชที่นิยมปลูกหลายประเทศทั่วโลก พริกนั้นมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งทำให้เกิดความเผ็ดร้อน พบได้ในพริกแทบทุกชนิดรวมทั้งในพริก ไทยและขิง สารดังกล่าวมีคุณสมบัติลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ หากคุณกินในปริมาณมาก ก็อาจได้รับอันตรายและถึงตายได้

6. มันฝรั่ง
เป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารที่รับความนิยมไปทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่มันฝรั่งเป็นพืชมีพิษ ลำต้นและใบมันมีพิษแม้แต่ตัวมันฝรั่งของมันก็มีพิษ เปลือกมันฝรั่งมีสารพิษจากธรรมชาติ สารพิษที่ว่านี้คือ Chaconine และ Solanine อาการที่ได้รับสารพิษจากเปลือกมันฝรั่งก็คือ คลื่นไส้ เลือดลมผิดปกติ ไตมีปัญหาและเกิดพิษ

โดยเฉพาะจุดเขียวๆ และตาของมันฝรั่งจะมีพิษรุนแรงแม้ปริมาณเล็กน้อย ดังนั้นจึงห้ามกินหน่อของมันฝรั่ง หรือส่วนเนื้อที่มีสีเขียว แต่สารดังกล่าวนี้จะถูกทำลายเมื่อได้พบกับความร้อน จึงทำให้ไม่เป็นอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเวลาที่เรารับประทานมันฝรั่งนั้นเราควรจะต้ม ทอด ให้สุกก่อนเพื่อเป็นการละลายสารพิษ

7. อัลมอนด์
เป็นหนึ่งในถั่วมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงมีโปรตีนไขมันสุขภาพ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอัลมอนด์ก็เป็นอีกหนึ่งในผลไม้ที่มีพิษนั้นก็คือไฮโดรเจน ไซยาไนด์ ที่อยู่ในถั่วอัลมอนด์ดิบ ดังนั้นด้วยเหตุนี้อัลมอนด์ดิบส่วนใหญ่จะต้องอบให้สุกก่อนที่จะมาจำหน่าย และมีหลายประเทศที่การขายอัลมอนด์ดิบถือว่าผิดกฎหมาย

8. เชอร์รี
เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง มีสีแดงสด (บางพันธุ์ก็มีสีเหลือง) รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีประโยชน์เนื่องจากมีโพแทสเซียมในปริมาณสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสมดุลกับโซเดียมทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ ระบบไหลเวียนโลหิตดี เราจึงรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าเวลาทาน แต่นอกจากนี้เชอร์รียังเป็นผลไม้ที่มี พิษ นั้นคือไฮโดรเจนไซยาไนด์ในเมล็ด โดยเฉพาะเวลาที่คุณเคี้ยว บด ผลเล็กๆ ของเชอรี่ เชอรี่จะผลิตไฮโดรเจนไซยาไนด์โดยอัตโนมัติ หากแต่พิษค่อนข้างอ่อน อย่างมากแค่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน วิตกกังวลและอาเจียน หากกินมากอาจมีปัญหาเรื่องหัวใจและความดันโลหิจ อาจทำให้ไตวาย ชัก และเสียชีวิตได้

ไฮโดรเจนไซยาไนด์เป็นสารพิษที่พบได้ ทั่วไปในพืชหลากหลายชนิด คือ ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่วชนิดต่างๆ อ้อย แอบเปิ้ล เผือก หน่อไม้ เมล็ดอัลมอล เชอรี่ พีช มะม่วง มะละกอ ฝรั่ง มะนาว เป็นต้น (เวลาอ่านโคนัน เห็นชอบใช้ไซยาไนด์ฆ่าคนตาย ใครอ่านโคนันต้องคุ้นชื่อเจ้าสารตัวนี้แน่นอน)

9. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่อร่อย และได้ชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมาก แต่แอปเปิลนั้นก็มีพิษ หากแต่พิษของมันอยู่ที่เมล็ดที่มีสารพิษไซยาไนด์ตัวเดียวกับที่ถูกใช้เป็นยาพิษมาเป็นเวลานาน พิษในเมล็ดแอปเปิ้ลดังกล่าวนั้นมีจำนวนน้อยมาก หากจะทำให้คนตายจะต้องใช้เมล็ดแอปเปิ้ลจำนวนเยอะมาก ดังนั้นการกินเมล็ดแอปเปิ้ลนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน เพราะการเคี้ยวหรือบดจะช่วยเร่งอัตราการดูดซับสารพิษของร่างกายเรา หรือไม่ก็การกลืนเมล็ดอาจติดคอเราก็ได้

10. มะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามะเขือเทศนั้นมีพิษ หากแต่พิษที่ว่านั้นไม่ได้อยู่ในส่วนของผลมะเขือเทศ โดยพิษจะอยู่ที่ส่วนของลำต้น (ก้าน) เป็นสารพิษ Glycoalkaloid (หมายถึงสารเคมีอันตรายกลุ่มหนึ่งที่พบมากในสารเสพติด เช่น บุหรี่ กัญชา กระท่อม) ซึ่งจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง เนื่องจากมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นครั้งต่อไปหากเราจะกินมะเขือเทศอย่าลืมเอาก้านออกด้วย (มะเขือเทศเป็น อาหารต้องห้ามของแมว ห้ามให้แมวกิน อาจตายได้)

ขอขอบคุณ : hereyim / รูปภาพจากอินเตอร์เน็ตทุกแหล่งที่มา ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
เรียบเรียง/ลำดับภาพโดย : HotNews69

Loading...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *