น่าสะพรึ่งกลัวเมื่อ เว็ปไซต์ต่างประเทศเผยแพร่เรื่องราวของสาวรายหนึ่ง เธอนั้นมีอะไรกับแฟนหนุ่มทุกวัน วันละ 5 ครั้ง เธอคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยม ช่วยทำให้ร่างกายนั้นดีขึ้นมาก แต่ผลลัพธ์นั้นทำเธอต้องร้องไห้ออกมา เข้าไปนอนโรงพยาบาลเลยทีเดียว
เธอมีนามว่า Ellie วัย 28 ปี เธอมีความสุขมากกับการมีเซ็กส์ แต่ผ่านมาไม่นานเธอกลับพบสิ่งที่ผิดปกติขึ้น เหมือนมีก้อนอะไรอยู่ในท้องช่วงล่าง ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพียงท้องผูก หรือไม่ก็คงจะมีข่าวดี คือตั้งครรภ์ คงไม่มีอะไรหรอก และด้วยความกังวลเหล่านี้ ในระยะเวลาต่อมาเธอปวดท้อง จึงรีบไปหาหมอ ปรากฏว่าพบก้อนเนื้องอกในมดลุกขนาด 16 ซม. ซึ่งมันยาวพอสมควรเลยละ
เธอยังเล่าอีกว่า “ตอนนั้นฉันรู้สึกช็อคหนักมาก ฉันนอนอยู่บนเตียงนอนของโรงพยาบาลเป็นเวลา 5 ชั่วโมง และฉันไม่รู้จะโทรบอกแม่กับแฟนของฉันยังไง ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันอายุแค่นี้จะเป้นมะเร็งรังไข่ได้”
ในที่สุดหมอรีบตัดเนื้องอกออกมา หน้าตาแปลกประหลาดมาก โชคยังดีที่เธอนั้นยังไม่เป็นมะเร็งร้าย ตอนนี้เธอนั้นหายเป็นทิ้ง แต่เรื่องเซ็กส์เธอยังต้องการมันเรื่อย ๆ
และตอนนี้ที่เธอตัดสินใจแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองออกมา ก็เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้หญิงทุกคนว่า ควรให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เธอกล่าวว่า “ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับสิ่งเลวร้ายแบบนี้ อายุแค่นี้ก็ต้องเผชิญกับความตายซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ การทำความเข้าใจกับร่างกายของตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญและควรเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง”
นี้คือเธอ Ellie Taylor-Davis
เธอสวยไม่ธรรมดา
มีรายงานระบุว่า มีผู้หญิงอังกฤษมากกว่า 7,000 รายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งรังไข่ในแต่ละปี และจะมีผู้ป่วยมะเร็งรังไข่จำนาณ 1 ใน 5 คนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี Katherine Taylor ผู้บริหารระดับสูงของ Operation Ovarian Cancer กล่าวว่า แม้ว่าสาวๆ จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งรังไข่ค่อนข้างต่ำ แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นกับผู้หญิงในวัยสาวได้ ผู้หญิงทุกคนต้องรู้อาการเริ่มแรกของมะเร็งรังไข่ เช่น ความรู้สึกอึดอัดในช่องท้อง ปวดปัสสาวะบ่อนหรืออาการปวดท้อง… ผู้หญิงทุกคนควรรักและดูแลร่างกายของตัวเอง ถ้ารู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายที่ไหน ก็ควรไปปรึกษาหมอทันที
อย่าคิดว่าตัวเองอายุน้อยจะไม่เป็นไร ถึงอายุน้อยก็เป็นได้ถ้าไม่รู้จักดูแลตัวเอง อย่างเช่นสาวอังกฤษรายนี้ ถ้าเนื้องอกในมดลูกของเธอไม่ได้ถูกพบทันเวลา มันอาจสามารถกลายเป็นโรคที่ร้ายแรงกว่า
ขอขอบคุณ : liekr / News69 / รูปภาพจากอินเตอร์เน็ตทุกแหล่งที่มา ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
เรียบเรียง/ลำดับภาพโดย : HotNews69