พิธีกรรม รำผีฟ้า เพื่อรักษาคนที่ป่วยเป็นโรค – โดนคุณไสย ให้หายขาด

Loading...
รำผีฟ้าเป็นพิธีกรรมที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการแก้บน จากเหตุการณ์ที่มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วรักษาไม่หาย ไปหาหมอวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ก็ยังไม่หาย ชาวบ้านจะมีความเชื่อว่า อาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค หรือ โดนคุณไสย

f

แต่เกิดจากความประสงค์ของผีบรรพบุรุษหรือผีเชื้อที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดอยากจะมาอยู่ด้วยหรือเกิดจากการกระทำผิดอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ด่าพ่อ ล้อแม่ พูดจาไม่สุภาพ ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธ์ เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้

การรำผีฟ้าในสังคมวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เขมรนั้นถือว่าเป็นพิธีกรรมที่มีบทบาทอย่างมากโดยเฉพาะด้านสุขภาพ ซึ่งหมายความรวมถึงสุขภาพด้านร่างกาย สุขภาพด้านจิตใจ สุขภาพสังคม การที่คนในชุมชนได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมร่วมกันถือว่าเป็นการผ่อนคลายความตรึงเครียดและเป็นเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนในชุมชมให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและเป็นการลดช่องว่างทางสังคม อาการเจ็บป่วยที่เกิดจากเชื้อโรคหรือเกิดจากความเชื่อที่ว่า ผี กระทำนั้น เป็นเหตุผลที่เกิดจากทัศน์ของวิทยาศาสตร์และความเชื่อ แต่กระบวนการรักษาด้วยระบบพิธีกรรมตามความเชื่อถือว่าเป็นกระบวนการที่ไม่ควรละเลย เพราะปัจจัยการเกิดโรคของแต่ละสังคมนั้นย่อมมีเหตุและผลต่างกัน พิธีกรรมรำผีฟ้าก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะนำพาผู้ป่วยให้หลุดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้

ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ และสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บนั้นเกี่ยวข้องกับสาเหตุ 2 ประการ คือ สาเหตุที่เกิดตามธรรมชาติ เช่น ภูมิอากาศทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนสาเหตุที่เกิดจากอำนาจเหนือธรรมชาตินั้น มีหลายประเภท เช่น การถูกผีทำ การถูกคนทำด้วยวิธีทางคาถาอาคม ชะตา กฎแห่งกรรม และการผิดขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งต่างก็จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามความคิด ความเชื่อของชาวบ้าน เมื่อมีเหตุเหล่านี้ผู้ป่วยต้องหาวิธีการรักษา ตามสาเหตุของโรคนั้น ชาวอีสานเชื่อว่า “ผีฟ้า” จะสามารถบันดาลทุกสิ่งได้ แม้แต่การเกิดการตายของมนุษย์ตลอดจนเป็นผู้กำหนดโชคชะตาของมนุษย์ ขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก และเชื่อว่าผีบรรพชนกับผีฟ้านั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ เชื่อว่ามนุษย์มีขวัญประจำตัวอยู่ทุกคน เมื่อตายลงขวัญจะออกจากร่างไปพบบรรพชนและจะเดินทางไปยังเมืองฟ้าเพื่อไหว้ผีฟ้า

ภาคอิสานเกือบทุกพื้นที่มีความเชื่อเรื่องพวกผีเทวดาเมื่อมีเรื่องหรือสิ่งไหนที่ไม่สามารถแก้ไขหรือพิสูจน์ทางด้านวิทยาศาสตร์ไม่ได้ชาวบ้านก็เชื่อว่าเป็นผีบรรพบุรุษเช่นเดียวกันที่หมู่บ้านของฉันที่บ้านพรหมสะอาด ตำบลพระแก้ว อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ที่มีความเชื่อในเรื่องผีฟ้าหรือผีแถนที่จะช่วยรักษาคนป่วยที่ไม่สามารถรักษาได้โดยทางการแพทย์สมัยปัจจุบัน ฉันจึงได้สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะตัวดิฉันเองสมัยที่ฉันยังเด็กฉันเคยสงสัยว่าการรำผีฟ้านี้ รำไปเพื่ออะไรแล้ว แล้วคนที่ป่วยจะหายได้จริงหรือนี่คือคำถามที่ฉันสงสัยมาตั้งแต่ตอนนั้น ฉันจึงสอบถามเรื่องการรำผีฟ้าจาก คุณยายแสง บัวเชย ท่านเป็นยายของฉันเองยายจึงบอกว่าในสมัยที่ตาป่วยหนักไปรักษาที่โรงพยาบาลก็ไม่หายไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรในกานป่วยในครั้งนี้ ยายจึงไปดูหม้อทรงที่หมู่บ้านของฉันมีความเชื่อว่าเป็นผู้ที่รู้เห็นในสิ่งที่มองไม่เห็น เขาว่ากันว่าที่ตาป่วยเป็นเพราะผีฟ้าหรือผีแถนอยากมาอยู่ด้วย

1366097962-o

จึงทำพิธีกรรมรำผีฟ้าเพื่อที่จะให้มารักษาปกป้องและขอขมาในที่นี้การเตรียมของที่จะทำพิธีนั้นยายบอกว่าต้องมีขันหมากเบ็งพร้อมเฝ้าผูกแขน(บายศรีขนาดเล็ก) ขันธ์ 5 (ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 เล่ม) ผ้าซิ่น 1 ผืน ผ้าขาวม้า 1 ผืน เหล้า 1 ขวด ไข่ 2 ฟอง หรือบางคนใช้ใบเดียวก็ได้ หวี 1 ด้าม กระจก 1 บาน เงินหนึ่งสลึง ห่อนิมนต์ เทียน 2 เล่ม ดอกไม้ 2 ดอก ต้องห่อด้วยใบตอง ซวย 5 อัน แต่ละอันมีเทียน 1 คู่ ดอกจำปาลาว 1 คู่ มาลัยดอกจำปาลาว ในการรำเชิญผีฟ้าเมื่อจัดสถานที่หรือเตรียมของทำพิธีเสร็จผู้ที่จะเข้าร่วมพิธีก็มานั่งอยู่พร้อมกันหลังจากนั้น หมอผีฟ้าจะนั่งอยู่หน้าพิธีแล้วจุดเทียนที่อยู่ในฮ่าน แล้วให้หมอแคนเริ่มเป่าแคน เพื่ออัญเชิญผีฟ้าลงมาโดยถือว่าแคนคือ ม้าที่ผีฟ้าขี่ลงมาจากฟ้า ส่วนหมอผีฟ้าก็จะเริ่มลำ กลอนลำที่ใช้ลำในตอนแรกจะมีเนื้อหาในการเชิญผีฟ้า เรียกท้าวนางของครูบาอาจารย์ลงมาช่วยรักษาผู้ป่วยให้หายจากนั้นก็รำไปเรื่อย ๆ หมอผีฟ้าก็จะเริ่มอาการสั่นไปทั้งตัวนั้นคืออาการของผีฟ้ากำลังเข้าเมื่อลำเชิญผีฟ้าแล้ว จึงพูดคุยถามผีฟ้าเมื่อได้รับคำตอบแล้ว หมอผีฟ้าจะหยุดลำแล้วบอกคำตอบของผีฟ้าให้ผู้ป่วยและญาติทราบ แล้วถามผู้ป่วยและญาติว่าจะยอมหรือไม่ การยอมรับคำตอบของผีฟ้า ก็คือ ต้องปฏิบัติตามความต้องการที่ผีฟ้าบอกมาเมื่อผู้ป่วยและญาติยอมรับที่จะปฏิบัติตามที่ผีฟ้าบอก หมอผีฟ้าก็จะรำต่อไปว่าผู้ป่วยได้ยอมแล้ว และกรุณาให้ผีที่มีรบกวนออกไปจากกาย จะทำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามความต้องการให้ยอมที่จะปฏิบัติตามความต้องการของผีแล้ว เสร็จแล้วหมอผีฟ้าจะใช้ด้ายผ่าไข่ออกเป็น 2 ส่วน แล้วดูว่าไข่แดงแข็ง สวย จะรักษาหาย แต่ถ้าไข่แดงไม่สวยเป็นน้ำจะรักษาไม่หาย ดังความเชื่อของชาวบ้านและจะทำทุกปีเพราะ ผู้ที่เคยผ่านการรักษามาแล้วทุกคนถือเป็นบริวารของผีฟ้าเวลาที่มีการทำพิธีรำผีฟ้า ณ ที่ใด ถ้าไม่ห่างไกลเกินไปยายหรือชาวบ้านเหล่านี้ก็จะไปร่วมพิธีด้วย นำดอกไม้ เทียน และสิ่งของต่างๆ ไปร่วมบูชาด้วย บางคนอาจมีอาการไม่สบาย ก็จะแต่งกายรักษาไปร่วมด้วย พิธีกรรมนั้นจึงสนุกสนานทั้งฟ้อนรำได้อย่างอิสระ เข้าพิธีด้วยผู้คนก็ได้ชมได้ฟังและสนุกไปด้วย พร้อมกับเห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วยคนไข้ เป็นการให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยในการรักษาด้วยการรำผีฟ้า

ส่วนเรื่องการแต่งตัวในการรำผีฟ้านั้นจะมีผ้าสไบพาดบ่าหรือผ้าขาวม้าพาดบ่านุ่งซิ่นไหมมัดหมี่ จะมีดอกไม้ติดที่หู แต่บางคนก็ใส่เสื้อผ้าธรรมดา และส่วนลักษณะของกลอนลำทรงและกลอนลำผีฟ้านั้นไม่แน่นอน บางครั้งก็ลำเป็นทำนอง บางครั้งก็พูดคล้ายๆ คำผญา ไม่มีกลอนที่ถือว่าไพเราะเหมือนหมอลำหรือลำกลอน ลักษณะฉันทลักษณ์ไม่แน่นอน ผู้ลำหรือผู้แสดงและผู้ฟังไม่ได้ยึดถือเรื่องความไพเราะของกลอน แต่ยึดเนื้อหาของกลอนว่า พูดอย่างไร ส่วนแคนเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในการที่จะทำพิธีกรรมของการรำผีฟ้า ในการทำพิธีกรรมนั้นจะเรียกแคนว่า “ ม้า” และเรียกคนเป่าแคนว่า “หมอม้า” เนื่องจากพิธีกรรมของหมอผีฟ้าจะแสดงออกโดยการลำและฟ้อน ซึ่งจะต้องมีดนตรีที่ใช้ประกอบได้แก่แคนนั่นเอง

dscf3754

การฟ้อนรำในพิธีกรรมการรำผีฟ้า เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อศรัทธาต่อผีฟ้าที่ตนเองเคารพนับถือ เพื่อให้เกิดสันติสุขในหมู่ตน สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาเลื่อมใสประกอบกับความสนุกสนานดังปรากฎในพิธีการรักษาคนป่วยและวิธีเลี้ยงข่วงผีฟ้าลักษณะท่าฟ้อนรำในการรำผีฟ้าไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ทั้งที่การฟ้อนรำเกิดจากการเข้าของผีฟ้า จะเห็นได้จากก่อนที่หมอผีฟ้าจะเข้าพิธีฟ้อนรำนั้นมีอาการสั่น ฟ้อนไปตามอำนาจของผีเท่านั้นนอกจากนี้การฟ้อนจะเป็นไปอย่างอิสระปราศจากกฎเกณฑ์บังคับ เมื่อเริ่มแรกที่ผีเข้าประทับทรง มือจะแกว่งไปข้างหน้าและข้างหลังพร้อมกันทั้งสองข้าง แล้วขาทั้งสองจะทำเป็นจังหวะ หลังจากนั้นการฟ้อนก็เป็นไปตามจังหวะโดยส่วนใหญ่น้ำหนักตัวอยู่เท้าหน้า ส้นเท้าหลังยกขึ้น ส่วนปลายท้างแตะที่พื้นเคลื่อนจังหวะอย่างนี้เรื่อยไปแล้วก็ฟ้อนไปตามจังหวะอย่างไรก็ตามการฟ้อนรำมีทั้งถ่วงท่าที่อ่อนช้อยและจังหวะรวดเร็ว เร้าใจ ดังนั้นการฟ้อนรำในการรำผีฟ้า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พิธีกรรมการรำผีฟ้ามีความสนุกสนานและมีความขลังในตนเอง

การรำผีฟ้ามีการถ่ายทอดคนที่รำผีฟ้าต้องมีครูอาจารย์ทุกคน ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นหมอผีฟ้ามาหลายปีแล้วก่อนที่จะเสียชีวิตหรือก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นจะต้องเลือกให้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน โดยการยกฮ่านให้ และเมื่อ ผู้ใดมีฮ่านของตนเองก็ถือว่าผู้นั้นเป็นหมอผีฟ้าต่อไป

1366098106-222-o

ในการสืบทอดการเป็นหมอผีฟ้านั้นพบว่า หมอผีฟ้าผู้หนึ่งสามารถสืบทอดการเป็นหมอผีฟ้าให้กับผู้อื่นได้ไม่จำกัด แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีผู้มารับการสืบทอดประมาณ 2 -3 คน โดยวิธีเลือกผู้ที่มีความใกล้ชิดตนเอง หรือเลือกจากการ “ส่องดู” หมายถึง ผู้ที่ผีฟ้ามีความต้องการจะให้ผู้นั้นเป็นหมอผีฟ้า หลังจากนั้นก็ทำพิธียกฮ่านให้ โดยครูบาอาจารย์และหมอที่ได้รับฮ่าน จะมาช่วยกันทำพิธียกฮ่านให้กับหมอคนใหม่ โดยครูอาจารย์จะอัญเชิญ “พ่อแม่” หมายถึง ผีฟ้ามาอยู่ฮ่านใหม่ ฮ่านจึงถือว่าเป็นตัวแทนของผีฟ้าหรือเป็นที่สถิตด้วยการร้องรำ และการฟ้อน วิธีการเรียนรู้วิชาของหมอผีฟ้าทุกคนบอกไว้ว่า “ไม่มีตำราที่เรียนเป็นตัวหนังสือจากอาจารย์ กระบวนการเรียนเป็นเพียงการสังเกตของผู้ที่เป็นลูกศิษย์เท่านั้นที่สังเกตดูพฤติกรรมของผู้เป็นอาจารย์และนำมาปฏิบัติตาม” แม้แต่เรื่องการรำและการฟ้อนทั้งผู้ที่เป็นหมอผีฟ้าและลูกศิษย์บอกว่า

“ เมื่อผีฟ้าจะมาเข้าสิงแล้วคนที่ไม่เคยรำเคยฟ้อนมาก่อนก็จะรำเป็นฟ้อนเป็น” แต่ผู้ที่เป็นหมอผีฟ้ากับลูกศิษย์ต่างกันอยู่ที่ว่าสามารถเข้าทรงหรือหยุดเข้าทรงได้ตามความต้องการของตน ส่วนลูกศิษย์จะเข้าทรงได้ก็ต่อเมื่อมีหมอผีฟ้าเป็นผู้ทำพิธีกรรม ถ้าไม่มีหมอผีฟ้าไม่สามารถเข้าทรงได้และการฟ้อนของลูกศิษย์ในพิธีกรรม

ก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ต้องมีคำสั่งของหมอผีฟ้า “ หยุดเข้า” จึงจะหยุดฟ้อนได้ การควบคุมการเข้าทรงได้ของหมอผีฟ้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกต่างจากผู้อื่น และความสามารถนี้ต่างก็บอกว่าจะเกิดขึ้นเองเมื่อผู้เป็นหมอผีฟ้าได้รับฮ่านแล้วเท่านั้น

สรุปแล้ว การสืบทอดความรู้ด้านพิธีกรรมและการปฏิบัติตนในการทำหน้าที่ในการรำผีฟ้าไม่ได้เป็นไปอย่างมีระบบ ผู้ติดตามหรือลูกศิษย์ต้องเรียนรู้เองโดยการสังเกตพฤติกรรมของครูอาจารย์ การรำผีฟ้าเกิดจากวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่กำหนดบทบาทให้ทำหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยและการรำหรือฟ้อนก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา ผู้ที่อยู่ภาคอีสานส่วนใหญ่มักมีโอกาสที่จะได้พบเห็นเคยได้ยินได้ฟังมา ส่วนวิธีการเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในพิธีกรรมหรือแม้กระทั่งลักษณะของตัวพิธีกรรมเองก็ใกล้เคียงกับพิธีกรรมอื่น ๆ ที่ปฏิบัติกันอยู่ในท้องถิ่นอีสาน เช่นพิธีบายศรีสู่ขวัญ พิธีเลี้ยง ผีตาแฮก เป็นต้น ดังนั้นการเรียนรู้พิธีกรรมเหล่านี้จึงไม่ต้องอาศัยตำราแต่อย่างใด เพียงอาศัยการสังเกตจดจำแล้วนำมาปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน

ที่ผ่านมาพบว่าสังคมในชนบทอีสานเปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันนี้พบว่ามีผู้ให้ความสนใจต่อพิธีกรรมดังกล่าวน้อยลง และการสืบทอดในลักษณะดังกล่าวก็จะขาดช่วงไป ถึงแม้ว่าสังคมชนบทปัจจุบันยังคงมีอาชีพทำนา ทำไร่อยู่ก็ตาม แต่ความจำเป็นทางเศรษฐกิจทำให้ต้องออกไปทำงานต่างถิ่นมากขึ้น โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาวทำให้ขาดโอกาสที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมบางอย่างของท้องถิ่นการเปลี่ยนแปลงค่านิยมและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เมื่อผู้ที่รำผีฟ้าเสียชีวิตกันไป หมดแล้ว จึงยากที่จะเรียนรู้จดจำแล้วนำมาปฏิบัติจะทำให้ผู้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการรำผีฟ้าน้อยลง ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการไม่มีตำราที่บันทึกไว้เป็นตัวหนังสือให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ต่อไป ดิฉันเองก็เป็นลูกหลานที่คุณยายฉันได้ทำพิธีในการรำผีฟ้า มันเป็นวัฒนธรรมความเชื่อที่ฉันเองก็ควรที่จะสืบทอดหรือเรียนรู้ในเรื่องของพิธีกรรมรำผีฟ้ารักษาผู้ที่ป่วยให้หายได้เพราะฉันเชื่อว่าในอีกหลายปีข้างหน้า มันอาจจะไม่มีการทำพิธีกรรมในการรำผีฟ้าที่นับถือกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่ได้มีความเชื่อในเรื่องนี้ อีกก็เป็นได้

ขอขอบคุณ puanboy1614  News69 / รูปภาพจากอินเตอร์เน็ตทุกแหล่งที่มา ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
เรียบเรียง/ลำดับภาพโดย : HotNews69

Loading...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *