ธกส. ช่วยชาวนา เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เริ่มจ่ายตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2561

Loading...
ธ.ก.ส. จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวไร่ล่ะ 1,200 บาท ให้กับผู้ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร ตามพื้นที่ปลูกข้าวจริงแต่ไม่เกินรายล่ะ 10 ไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 12,000 บาท

เพื่อเป็นค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560/61 ที่ขึ้นทะเบียนรวม 3.9 ล้านรายทั่วประเทศ โดยจะทยอยโอนเงินเข้าบัญชีตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นายนุกูล ปาระชาติ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ตามนโยบายของรัฐบาล ในการเก็บรักษาและปรับปรุงคุณภาพข้าวเปลือกเพื่อรอราคา รวมถึงไม่ต้องกังวลกับภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และภาระหนี้สิน จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย

1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต2560/61

โดยจ่ายสินเชื่อให้แก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเพื่อเก็บรักษาข้าวเปลือกไว้ที่ยุ้งฉางของตนเอง กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตันข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 ในอัตราร้อยละ 90 ของราคาตลาด ตามชนิดข้าวเปลือก ดังนี้

  • ข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาตันละ 10,800 บาท
  • ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 7,200 บาท
  • ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 8,500 บาท

กำหนดวงเงินกู้สำหรับเกษตรกรสูงสุดรายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนไม่เกิน 5 ล้านบาท

โดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ยจากผู้กู้ เนื่องจากรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนผู้กู้ทั้งหมด กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน 5 เดือนนับถัดจากเดือนรับเงินกู้

เริ่มจ่ายสินเชื่อแล้วตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2561 ยกเว้นภาคใต้ไม่เกินเดือนกรกฎาคม 2561 เป้าหมาย 2 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 21,010 ล้านบาท

นอกจากนี้รัฐบาลได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเป็นค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก เพื่อจูงใจให้เกษตรกรได้มีการปรับปรุงคุณภาพโดยผ่านกระบวนการตากลดความชื้น การคัดแยกสิ่งเจือปน ก่อนนำขึ้นยุ้งฉางอีกตันละ 1,500 บาท ซึ่งจะจ่ายพร้อมการจ่ายสินเชื่ออัตราตันละ 1,000บาท และจ่ายให้อีกตันละ 500 บาท เมื่อเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรนำเงินมาชำระหนี้

“การดำเนินโครงการดังกล่าวคาดว่าจะดูดซับปริมาณข้าวเปลือกไม่ให้ออกสู่ตลาดในปริมาณมากเกินความต้องการ ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวเปลือกมีเสถียรภาพ และปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ขอให้ทำการตากข้าวลดความชื้นและดูแลคุณภาพข้าวก่อนนำข้าวเปลือกขึ้นยุ้งฉาง แล้วจึงไปติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้านท่าน เพื่อดำเนินการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวเปลือก โดย ธ.ก.ส. จะอนุมัติสินเชื่อ พร้อมจ่ายเงินกู้ภายใน 3 วัน” นายนุกูลกล่าว

2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2560/61

เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันเกษตรกรในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสมาชิก และรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อนำไปจำหน่ายหรือแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม รวม 2.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ12,500 ล้านบาท โดยสถาบันรับภาระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 และรัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกรไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน

เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560 – 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งปัจจุบันจ่ายสินเชื่อให้สถาบันเกษตรกรไปแล้ว 20 สถาบัน เป็นเงิน 1,314 ล้านบาท

รัฐบาลได้เห็นชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560/61 ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ฯ ปีการผลิต 2560/61 กับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 3.9 ล้านราย ไร่ละ 1,200 บาท ตามพื้นที่ที่ปลูกข้าวจริง แต่ไม่เกินรายละ 10 ไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 12,000 บาท เตรียมวงเงินไว้จำนวน 47,273 ล้านบาท

ซึ่งพร้อมจะจ่ายเงินดังกล่าวโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ธ.ก.ส. Call Center 0-2555-0555 บริการ 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ศุนย์บริการลูกค้า 1593 บริการ ในวันและเวลาทำการ
สำนักงานใหญ่ 0-2558-6555
กรมประชาสัมพันธ์
ขอขอบคุณ : samunpaisecrete / รูปภาพจากอินเตอร์เน็ตทุกแหล่งที่มา ขอขอบพระคุณอย่างยิ่ง
เรียบเรียง/ลำดับภาพโดย : HotNews69

Loading...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *